วันพุธ, 27 กันยายน 2566
》โฆษณาตำแหน่งนี้ คลิกเลย 《

น่ารู้!! เคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัส เลี้ยงอย่างไรให้โตเร็ว ไม่เสี่ยงตาย

ปัจจุบันหลายคนหันมาสนใจในการปลูกต้นไม้กันมากขึ้น เพราะการปลูกต้นไม้ทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ และทำให้เรามีความสุขไม่น้อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะเลือกการปลูกต้นไม้เป็นวิธีคลายความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิต และสำหรับใครที่สนใจและชื่นชอบในการเลี้ยงแคคตัส หรือ ต้นกระบองเพชร วันนี้เราก็มีข้อมูลดีๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัสมาแนะนำกัน บอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ

แนะนำ 3 สายพันธุ์แคคตัสที่ได้รับความนิยมก่อนเริ่มเลี้ยง

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ แคคตัส-1.jpg
  1. Echinopsis Calochlora เป็นแคคตัสที่มีลักษณะเป็นทรงกลมสีเขียวเข้ม มีหนามแหลมสีทองอยู่บริเวณรอบลำต้น จะใช้วิธีการแตกหน่อออกในการขยายพันธุ์ ซึ่ง Echinopsis Calochlora  เป็นแคคตัสที่เราเห็นกันได้บ่อยที่สุด และนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะลักษณะเด่นของ แคคตัสพันธุ์นี้ก็คือ ปลูกง่าย เลี้ยงง่าย และสามารถแพร่พันธุ์ได้ง่ายอีกด้วย 
  2. Opuntia Microdasys สำหรับแคคตัสนี้จะมีลักษณะเด่นที่หลายคนต้องสะดุดตาคือ มีลักษณะเหมือนหูมิกกี้เมาส์ ลักษณะต้นจะแบนแต่มีความอวบน้ำ และบริเวณโดยรอบจะเต็มไปด้วยหนามขนาดเล็กมากมาย แคคตัสนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เราเห็นกันบ่อย และนิยมเลี้ยงกันไม่น้อย
  3. Mammillaria Plumosa สำหรับแคคตัสนี้คนที่ชอบเลี้ยงแคคตัสต้องรู้จักอย่างแน่นอน เพราะลักษณะของมันมีความโดดเด่นอย่างมาก ด้วยหนามอ่อนสีขาวที่ปกคลุมทั่วลำต้นจนเห็นเป็นสีขาวฟูเหมือนขนนกที่ปกคลุมอยู่ ซึ่งแคคตัสนี้จะมีดอกให้ได้ชื่นชมกันด้วย ก็เป็นสายพันธุ์แคคตัสที่น่าสนใจไม่น้อย

ข้อควรรู้หากคุณตัดสินใจอยากเลี้ยงแคคตัส

  1. ระวังอย่าให้น้ำมากเกินไป ซึ่งแรกที่คุณจะต้องเรียนรู้เลยก็คือ แคคตัสไม่ค่อยชอบน้ำ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาให้น้ำอย่าให้มากจนเกินไป จนเกิดเป็นน้ำขัง เพราะจะทำให้รากเน่าและตายในที่สุด ทางที่ดีควรนำเอากระถางที่ปลูกแคคตัสวางในภาชนะที่ใส่น้ำ ทิ้งไว้สักครู่ให้สังเกตหากดินในกระถางแคคตัสชุ่มน้ำให้ยกออกก็เรียบร้อย ทั้งนี้ในการให้น้ำหากเป็นช่วงฤดูร้อนควรให้น้ำ 3วัน/ครั้ง ในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว 7วัน/ครั้ง
  2. ศัตรูของแคคตัสคือเพลี้ยแป้ง ในการเลี้ยงแคคตัสอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้แคคตัสเกิดปัญหาและไม่เจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ก็คือเพลี้ยแป้ง ซึ่งเพลี้ยแป้งจะเข้าไปเกาะอยู่บนลำต้น และดูดน้ำเลี้ยงจากต้นแคคตัส จนทำให้ต้นแคคตัสนั้นโทรม ไม่สวย และไม่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้นควรจะต้องเลือกใช้ยากำจัดเพลี้ยแป้งสำหรับต้นไม้ในร่ม แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  3. การใส่ปุ๋ยให้แคคตัส จะต้องเลือกใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ที่ให้ผลในทางที่ผู้เลี้ยงต้องการ สำหรับแคคตัสบางสายพันธุ์ที่มีดอกหากคุณต้องการให้ออกดอกก็ควรเลือกสูตรปุ๋ยเร่งดอก แต่อย่าลืมว่าเรื่องของความเข้มข้นของปุ๋ยก็ต้องระวังให้มาก อย่าใส่ปุ๋ยที่มีความเข้มข้นมากเกินไป เพราะอาจทำให้แคคตัสตายได้
  4. เลือกกระถางเลี้ยงแคคตัสให้ถูกต้อง มือใหม่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่าการเลือกกระถางสำหรับเลี้ยงแคคตัสนั้นมีผลอย่างมาก นั่นก็เพราะ หากเราเลือกใช้กระถางที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าขนาดของต้นแคคตัสก็จะทำให้อุ้มน้ำมากจนเกินไปและทำให้รากเน่า แต่ถ้าเลือกใช้กระถางที่แคบมากเกินไป ก็ทำให้แคคตัสไม่เจริญเติบโตอย่างที่เต็มที่ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรเลือกกระถางที่มีขนาดใหญ่กว่าต้นแคคตัสเล็กน้อยและควรเป็นกระถางดินเผา หรือกระถางปูน เพราะระบายอากาศและระบายน้ำได้ดี
  5. แสงแดดต้องเพียงพอ ต้นแคคตัสชอบแดดพอสมควร เพราะฉะนั้นคุณควรให้แสดงแดดกับต้นแคคตัสอย่างทั่วถึง และเพียงพอ เพราะถ้าหากเขาไม่ได้รับแสงแดดที่เพียงพอและเหมาะสม จะทำให้เขาไม่เจริญเติบโตและสำหรับสายพันธุ์ที่มีดอก ก็อาจจะไม่ออกดอกให้เห็นอย่างที่คุณต้องการ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัสที่เรานำมาแนะนำกัน ในการเลี้ยงต้นแคคตัสนั้นนอกจากจะทำให้คุณได้ทำในสิ่งที่คุณรักและชอบแล้ว ยังสามารถที่จะนำมาทำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับตนเองได้อีกด้วย เพราะในปัจจุบันมีคนให้ความสนใจที่จะเลี้ยงแคคตัสค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นสามารถที่จะปรับประยุกต์มาเป็นอาชีพเสริมได้ดีเลยทีเดียว